การเสริมจมูก เป็นการใส่ซิลิโคนเพื่อปรับเปลี่ยนขนาดหรือรูปทรงจมูก โดยซิลิโคนมีทั้งแบบสำเร็จรูป และซิลิโคนแท่ง (แบบเหลาเอง)
แพ็กเกจนี้จำเป็นต้องให้แพทย์ตรวจประเมินก่อนรับบริการ และอาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากที่ระบุไว้บนเว็บไซต์
รายละเอียด
รายละเอียด
ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?
- ค่าเสริมจมูก ด้วยเทคนิค Semi-Open สำหรับเคสทำครั้งแรก
- ค่าเทคนิคเย็บ Interdome
- ค่าเทคนิคตะไบฮัมพ์จมูก
- ค่าบริการฉายแสงลดบวม
- ฟรี! Meso หน้าใส 1 ครั้ง (สามารถเลือกวันฉีดได้)
สิ่งที่ต้องจ่ายเพิ่ม
- ค่ายารับประทานและอุปกรณ์ทำแผล 1,000 บาท
หมายเหตุ
- หากต้องการตัดปีกจมูกพร้อมการเสริมหรือแก้จมูก จะมีค่าตัดปีก ราคา 5,999 บาท
เกี่ยวกับแพ็กเกจ
- ระยะเวลารับบริการประมาณ 1-2 ชั่วโมง
- ควรนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ
- รับประกัน 2 ปี
- เจ้าหน้าที่จะอธิบายขั้นตอนการปฏิบัติตัวก่อนและหลังการผ่าตัด ก่อนเซ็นใบยินยอมการผ่าตัด มีการแปะยาชาก่อนเข้าห้องผ่าทุกเคส
- ทำการผ่าตัดภายใต้การใช้ยาชา โดยมีทีมแพทย์พยาบาลผู้ชำนาญการดูแลใกล้ชิด
- แพทย์จะพูดคุยให้คำปรึกษา และเลือกทรงจมูก
- วัดสัญญาณชีพก่อนผ่าตัด กรณีที่มีความดันโลหิตสูงให้แจ้งแพทย์ และควรงดการผ่าตัดไปก่อน
- หลังทำเสร็จ เจ้าหน้าที่จะติดตามต่อจนอาการคงที่
- แพทย์อาจนัดตัดไหมหลังผ่าตัด 1-2 สัปดาห์ จมูกจะเข้าที่ได้รูป เห็นผลชัดเจนภายใน 2 เดือนหลังผ่าตัด
- ระงับความเจ็บปวดด้วยการแปะยาชา 30 นาที แล้วฉีดยาชาบริเวณที่ทำ
- ซิลิโคน Implant Grade Mantisk มีกล่อง และ code ให้ผู้รับบริการกลับบ้านทุกกล่อง
การเตรียมตัวก่อนรับบริการ
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนผ่าตัด 1 เดือน
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอ 8-12 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด เตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อม ไม่วิตกกังวลหรือเครียด เพราะมีผลทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้
- งดยาแอสไพรินหรือวิตามิน อย่างน้อย 7-10 วันก่อนรับบริการ
- ควรสระผมก่อนผ่าตัด เพราะหลังผ่าตัดอาจทำให้สระผมไม่สะดวก
- งดแต่งหน้าหรือใช้เครื่องสำอาง
- หากมีอาการไอ มีไข้ หรืออาการป่วยใดๆ กรุณาแจ้งเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าเพื่อเลื่อนการผ่าตัด
- แจ้งแพทย์ให้ทราบถึงประวัติการเจ็บป่วย โรคประจำตัว แพ้ยา การรับประทานยาและอาหารเสริมทุกชนิด โดยเฉพาะผู้ที่ภาวะโลหิตจาง ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวที่รักษาโรคนั้นๆ ตรวจเลือด รับประทานยาให้ร่างกายพร้อมก่อนรับการผ่าตัด
การดูแลหลังรับบริการ
- หลังผ่าตัดควรปฏิบัติตัวและรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด
- นอนหัวสูงหนุนหมอนอย่างน้อย 2 ใบ ห้ามนอนตะแคงหรือนอนคว่ำ และประคบเย็นใน 2-3 วันแรก จะช่วยให้แผลยุบบวมเร็วขึ้น หลังประคบเย็น 3 วันแล้ว ดูแลแผลต่อด้วยการประคบอุ่นจะลดอาการบวมและฟกช้ำได้ดีขึ้น
- ห้ามแผลโดนน้ำ 1 สัปดาห์ หากโดนน้ำ ให้รีบทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือ และป้ายยาฆ่าเชื้อ (ขี้ผึ้ง) ทันที
- ห้ามสูบบุหรี่ หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2 เดือนหลังรับบริการ
- งดออกกำลังกาย 1-2 สัปดาห์หลังรับบริการ
- งดรับประทานของหมักดอง ของทอด อาหารรสจัด อาหารทะเล 2 สัปดาห์หลังผ่าตัด
ก่อนตัดสินใจ
- ผลลัพธ์ของการเสริมความงามขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล หากพบอาการผิดปกติหลังรับบริการควรปรึกษาแพทย์
- แม้จะใช้ซิลิโคนชนิดเดียวกัน ผลที่ได้หลังการผ่าตัดเสริมจมูกจะแตกต่างกันไปตามรูปแบบที่เลือก ลักษณะเดิมของจมูก และความชำนาญของแพทย์
- ผู้มีเนื้อจมูกน้อยหรือบางมากๆ อาจไม่เหมาะกับการเสริมจมูกด้วยซิลิโคน บางกรณีอาจเกิดปัญหาซิลิโคนทะลุ
ข้อห้ามสำหรับการผ่าตัดเสริมจมูก
- สตรีตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร
- ไม่ควรผ่าตัดเสริมจมูกในผู้ที่มีอายุไม่ถึง 18 ปี หรือยังมีการเจริญเติบโตของใบหน้าไม่เต็มที่
- ใช้ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด มีภาวะลิ่มเลือดอุดตัน โรคหลอดเลือดผิดปกติต่างๆ เช่น เส้นเลือดตีบ
- มีโรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อการผ่าตัด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทำ
- ติดเชื้อเอชไอวี (HIV)
- เป็นหวัด มีแผลติดเชื้อ ควรรักษาให้หายก่อนทำ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- ความเสี่ยงทั่วไปจากการผ่าตัด เช่น มีเลือดออก เกิดการติดเชื้อ แพ้ยาชาหรือยาสลบที่ใช้
- มีอาการบวม ชาบริเวณจมูก
- มีแผลเป็นบริเวณฐานจมูก
- เส้นประสาทถูกทำลายถาวร
- สังเกตเห็นซิลิโคนที่ใช้เสริม
- อาจต้องมีการผ่าตัดแก้ไขเพิ่มในภายหลัง เนื่องจากซิลิโคนเคลื่อน เบี้ยว หรือทะลุ
ข้อมูลทั่วไป
การเสริมจมูก เป็นการศัลยกรรมปรับเปลี่ยนขนาดหรือรูปทรงของจมูก ให้ได้สัดส่วนที่ต้องการ และเมื่อจมูกเป็นจุดที่อยู่ส่วนกลางของใบหน้า การปรับเปลี่ยนที่ส่วนนี้จะทำให้ใบหน้าโดยรวมเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ง่าย
วัสดุที่ใช้เสริมจมูก
การเสริมจมูกสามารถใช้เนื้อเยื่อตัวเอง หรือใช้วัสดุอื่นอย่างซิลิโคน ซึ่งได้รับความนิยมมากกว่าสำหรับชาวเอเชีย โดยซิลิโคนที่ใช้ควรเป็นชนิดที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ (Medical grade)
รูปแบบซิลิโคนที่ใช้เสริมจมูก มีแบบไหนบ้าง?
ปกติแล้วมีซิลิโคนให้แพทย์เลือกใช้ 2 รูปแบบ ได้แก่ ซิลิโคนสำเร็จรูป และซิลิโคนแท่ง (แบบเหลาเอง) ซิลิโคนสำเร็จรูปค่อนข้างใช้ง่ายกว่าซิลิโคนแท่ง เนื่องจากถูกขึ้นมาเป็นรูปทรงให้แล้ว แพทย์ไม่ต้องเสียเวลาปรับแต่งมาก
ความแข็งหรือความอ่อนนิ่มของซิลิโคนเสริมจมูก
- ซิลิโคนแข็ง จะคงรูปได้ดี ไม่ยุบตัวง่าย แต่อาจทะลุได้หากเนื้อจมูกไม่หนาพอ จึงมักเลือกใช้ซิลิโคนชนิดแข็งปานกลาง เพื่อให้ได้รูปทรงที่สวยงาม ไม่ทะลุง่าย และไม่ยุบตัวหลังทำ
- ซิลิโคนนิ่ม เหมาะกับผู้ที่มีเนื้อจมูกไม่หนา เสริมแล้วจมูกดูเนียนเป็นธรรมชาติ แต่อาจยุบตัวได้เมื่อเวลาผ่านไป
ประเทศที่ผลิตซิลิโคน
ซิลิโคนเสริมจมูกที่นิยมในปัจจุบัน มักมาจากอเมริกา เกาหลี ส่วนใหญ่แล้วจะมีลักษณะดังนี้
- ซิลิโคนอเมริกา (USA) เป็นซิลิโคนมาตรฐานพิเศษ มีความแข็งปานกลาง ยืดหยุ่นดี เหมาะกับคนที่อยากได้จมูกรูปทรงโด่งสวยงาม และไม่แข็งจนเกินไป
- ซิลิโคนเกาหลี (Korea) เป็นซิลิโคนมาตรฐานพิเศษเช่นกัน ค่อนข้างนิ่มโดยเฉพาะช่วงโคนและปลายจมูก มีความยืดหยุ่นค่อนข้างสูง เหมาะกับคนที่อยากได้จมูกรูปทรงสวยดูเป็นธรรมชาติ
เทคนิคการเสริมจมูก
- เทคนิคแบบปิด (Closed Rhinoplasty) เป็นการผ่าตัดโดยเปิดแผลผ่านรูจมูกข้างใดข้างหนึ่ง ข้อดีคือมีแผลเล็ก แต่จะทำได้แค่บางส่วนเพราะแพทย์จะไม่เห็นโครงสร้างภายในทั้งหมดของจมูก
- เทคนิคแบบกึ่งเปิดกึ่งปิด (Semi-Open Rhinoplasty) เป็นการผ่าตัดโดยเปิดแผลที่จมูกทั้งสองฝั่ง เหมาะสำหรับผู้ที่จมูกค่อนข้างใหญ่ หรือต้องการแก้ฐานกระดูก อาจทำร่วมกับการตอกฐานจมูก 2 ด้านให้เล็กลง
- เทคนิคแบบเปิด (Open Rhinoplasty) เป็นการผ่าตัดโดยเปิดจมูกทั้งหมด ก่อนจะยืดผนังใต้จมูกเพื่อแก้ไขโครงสร้างจมูก เหมาะสำหรับผู้ที่จมูกใหญ่ ทรงชมพู่ ฐานใหญ่ มีฮัมป์สูง หรือมีเนื้อจมูกน้อย แต่ต้องการให้จมูกโด่งมากๆ
การแต่งปลายจมูก
นอกจากเสริมจมูกให้ดูโด่งขึ้นแล้ว อาจมีเทคนิครองปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียม หรือกระดูกอ่อนหลังหู เพื่อให้ปลายจมูกได้รูปตามต้องการ เช่น เป็นทรงหยดน้ำ ทั้งยังช่วยให้ซิลิโคนไม่สัมผัสกับเนื้อจมูกโดยตรง ป้องกันซิลิโคนทะลุได้
- เทคนิครองปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียม เป็นการใช้วัสดุสังเคราะห์ มีลักษณะเป็นแผ่นนิ่มๆ คล้ายฟองน้ำ ผลิตจากเนื้อเยื่อที่ผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อด้วยรังสี
- เทคนิครองปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู เป็นการตัดกระดูกอ่อนหลังหูออกมาเพียงบางส่วน ยืดหยุ่นและคงทนกว่าเนื้อเยื่อเทียม
คลินิกและโรงพยาบาลอื่นที่มีบริการ เสริมจมูก ราคา เท่าไรบ้าง? เช็กราคาพร้อมโปรโมชั่นได้ที่นี่
วิธีชำระและใช้งาน
วิธีซื้อแพ็กเกจของ Versac’e Clinic ผ่าน HDmall
นัดคิวเข้าไปให้คุณหมอตรวจประเมิน แล้วทักมาจ่ายเงินที่ HDmall.co.th เพื่อรับส่วนลด
- จองแพ็กเกจกับ HDmall จากนั้นเจ้าหน้าที่จะส่งคูปองให้ทางอีเมล
- เข้ารับการประเมินที่คลินิกตามวันที่นัดหมาย
- เมื่อทราบราคาประเมินแล้ว ทักไลน์ @hdcoth มาชำระเงินและรับส่วนลดกับ HDmall โดยพิมพ์ HDexpress หรือกดปุ่ม “ชำระเงินหลังประเมิน” ขณะอยู่ที่คลินิก
- เมื่อชำระเงินแล้ว เจ้าหน้าที่จะส่งคูปองให้ลูกค้าเพื่อรับบริการ
*ระยะเวลาผ่อนชำระขึ้นอยู่กับราคาแพ็กเกจ
เงื่อนไขการใช้คูปอง
- สำหรับแพ็กเกจแบบคอร์ส ต้องรับบริการครั้งแรกก่อนคูปองหมดอายุ ส่วนครั้งต่อๆ ไปขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของคลินิก
- คุณสามารถเลื่อนนัดได้ด้วยตัวเอง ตามเบอร์โทรศัพท์หรือไลน์ที่ระบุไว้ในคูปอง ก่อนวันนัดอย่างน้อย 3 วันทำการ แต่ต้องรับบริการก่อนคูปองหมดอายุ (คูปองมีอายุ 30-60 วัน ตามที่ระบุในคูปอง)
- สามารถซื้อแพ็กเกจให้คนอื่นได้ เพียงแจ้งชื่อผู้จะรับบริการให้แอดมินทราบ เพื่อจะได้ระบุบนคูปอง
- อาจมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสถานที่ให้บริการ ทางคลินิกจะสรุปค่าใช้จ่ายให้ทราบหลังแพทย์ตรวจประเมิน
เงื่อนไขการให้บริการ และราคาของ Versac’e Clinic อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามแผนการส่งเสริมการขาย ท่านสามารถตรวจสอบเงื่อนไขการให้บริการ และราคาล่าสุดได้จากแอดมิน HDmall.co.th