รักษาเส้นเลือดขอด ด้วยคลื่นวิทยุ RFA
ใช้คลื่นวิทยุ RFA สร้างความร้อนที่เส้นเลือด ทำให้ฝ่อตัวและสลายตัวเอง
ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดมยาสลบ ไม่ต้องพักพื้นที่ รพ.
รายละเอียด
HDcare สรุปให้
อาการแบบไหนที่ต้องรีบรักษาเส้นเลือดขอด?
- เส้นเลือดขอดมีสีม่วงเข้ม หรือสีน้ำเงิน
- เส้นเลือดขอดมีลักษณะบิด และโป่งพอง
- มีการเปลี่ยนแปลงของสีผิวที่บริเวณรอบๆ เส้นเลือดขอด
- รู้สึกเจ็บ ปวด บริเวณที่ขาและน่อง
- รู้สึกขาหนัก และอึดอัด
- รู้สึกแสบร้อน ปวดกล้ามเนื้อ และข้อเท้าบวม โดยอาการจะแย่ลงหลังจากที่นั่ง หรือยืนเป็นระยะเวลานาน
- รู้สึกคันและผิวแห้งบริเวณรอบ ๆ เส้นเลือดขอด
- เป็นตะคริวที่ขา โดยเฉพาะตอนกลางคืน
รักษาเส้นเลือดขอดมีกี่แบบไหนบ้าง?
1. รักษาด้วยคลื่นวิทยุ RFA แพทย์จะสอดอุปกรณ์เข้าไปในหลอดเลือดดำ แล้วปล่อยคลื่นวิทยุสร้างความร้อน ทำให้เส้นเลือดขอดฝ่อตัว และสลายตัวไปเอง รักษาได้เฉพาะรายที่เส้นเลือดขอดมีขนาดไม่ใหญ่มาก
2. รักษาด้วยการผ่าตัด ทำได้ 2 วิธีคือ (1) รักษาเส้นเลือดขนาดใหญ่ที่อยู่ชั้นลึก โดยเปิดแผลที่ขาหนีบ 4-5 ซม. และใต้เข่า 1-2 ซม. เพื่อผูกและตัดหลอดเลือดดำที่โป่งพอง (2) เจาะเอาเส้นเลือดขอดที่ตื้นๆ ออก โดยใช้เครื่องมือเจาะเปิดแผลและดูดเส้นเลือดขอดที่โป่งนูนออก ไม่ต้องเย็บแผล ไม่ต้องตัดไหม [ดูรายละเอียดที่นี่]
รักษาเส้นเลือดขอด ด้วยคลื่นวิทยุ RFA ดียังไง?
**- **ไม่ต้องเตรียมตัวมาล่วงหน้า ไม่ต้องดมยาสลบ แค่ฉีดยาชาก็ทำได้เลย
- ใช้เวลาทำแค่ 1-2 ชม. ขึ้นกับจำนวนของเส้นเลือดขอด
- หลังทำเสร็จ กลับบ้านได้เลย ไม่ต้องพักฟื้นที่ รพ.
- สามารถเดินและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
รู้จักโรคนี้
รู้จักเส้นเลือดขอด โรคที่คนยืน หรือนั่งนานๆ ควรระวัง
ร่างกายของคนเรามีหลอดเลือดดำอยู่ใต้ผิวหนัง ซึ่งจะถูกล้อมรอบด้วยกล้ามเนื้อที่คอยบีบหลอดเลือดดำเพื่อส่งเลือดดำกลับสู่หัวใจ หากวาล์วที่อยู่ในหลอดเลือดดำทำงานผิดปกติจะทำให้มีเลือดดำตกค้าง ส่งผลให้หลอดเลือดดำบวม ขยายเป็นก้อน หรือผิดรูปจนกลายเป็นเส้นเลือดขอดนั่นเอง
โรคเส้นเลือดขอดจะพบบ่อยที่สุดที่บริเวณขา ซึ่งในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดที่ทำให้วาล์วในหลอดเลือดดำทำงานผิดปกติ แต่คาดว่าเกี่ยวข้องกับปัจจัยเหล่านี้
- อายุที่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้วาล์ว หรือลิ้นเล็กๆ ที่อยู่ในหลอดเลือดดำ ซึ่งคอยทำหน้าที่ควบคุมการไหลเวียนของเลือดเกิดการเสื่อมสภาพ
- ฮอร์โมน ฮอร์โมนเพศหญิงอาจส่งผลให้ความยืดหยุ่นของผนังหลอดเลือดดำลดลง
- กรรมพันธุ์ ผู้ที่มีพ่อแม่ หรือบุคคลในครอบครัวมีประวัติเป็นเส้นเลือดขอด จะมีความเสี่ยงมากกว่าปกติ
- น้ำหนักตัวที่มากเกินไป จะส่งผลให้เกิดแรงกดดันต่อเส้นเลือดมากกว่าปกติ
- พฤติกรรมการใช้ชีวิต การทำงานที่ต้องยืน หรือนั่งเป็นระยะเวลานานๆ การนั่งไขว่ห้าง หรือใส่รองเท้าส้นสูงเป็นประจำ
- ผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยฮอร์โมน เช่น ยาคุมกำเนิด อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นเส้นเลือดขอดมากขึ้น
- มีประวัติหลอดเลือดดำทำงานผิดปกติ เช่น เคยมีลิ่มเลือดอุดตัน
- ผลข้างเคียงจากภาวะที่ส่งผลให้เกิดการกดดันที่ช่องท้อง เช่น การตั้งครรภ์ ท้องผูก หรือเนื้องอก
อาการเส้นเลือดขอด แบ่งเป็นกี่ระยะ?
อาการเส้นเลือดขอด จะแบ่งเป็น 6 ระยะ ดังนี้
- ระยะที่ 1 เส้นเลือดขอดมีลักษณะคล้ายใยแมงมุม เป็นเส้นเลือดขอดในระยะเริ่มต้น มักไม่มีอาการแสดง นอกจากการส่งผลกระทบเรื่องความสวยงาม
- ระยะที่ 2 เส้นเลือดเริ่มปูดเป็นตัวหนอน มีขนาดใหญ่มากกว่า 3 มิลลิเมตร และทำให้เกิดอาการปวดเมื่อใช้งานอวัยวะที่มีเส้นเลือดขอดเป็นระยะเวลานาน เช่น การนั่ง เดิน หรือยืน
- ระยะที่ 3 คล้ายระยะที่ 2 แต่จะทำให้เกิดอาการขาบวมและปวดมากขึ้น ถึงแม้จะใช้งานในระยะเวลาสั้นๆ
- ระยะที่ 4 บริเวณที่มีเส้นเลือดขอดเปลี่ยนเป็นสีดำเข้ม ซึ่งหมายถึงการเกิดภาวะอักเสบของผิวหนัง
- ระยะที่ 5 เป็นระยะที่แผลหายจากการรักษาแล้ว แต่ผิวหนังจะเปลี่ยนสีเป็นสีดำ
- ระยะที่ 6 เกิดแผลบริเวณหลอดเลือดดำ เช่น ขอบแผลแดง
สัญญาณที่ต้องผ่าตัด
หากคุณเริ่มมีเส้นเลือดขอด โดยเฉพาะเส้นเลือดขอดที่ขา แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ เนื่องจากเส้นเลือดขอดในระยะแรกๆ สามารถรักษาได้โดยไม่ต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้นนาน ซึ่งจะช่วยป้องกันผลข้างเคียงของเส้นเลือดขอดในระยะท้ายๆ ได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่มีเส้นเลือดขอดแต่ยังไม่ได้รับการรักษา จะต้องหมั่นสังเกตอาการของตัวเองอยู่เสมอ ถ้าหากเกิดอาการเหล่านี้จะต้องไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะแทรกซ้อนของเส้นเลือดขอดที่อันตรายได้
- เส้นเลือดขอดมีสีม่วงเข้ม หรือสีน้ำเงิน
- เส้นเลือดขอดมีลักษณะบิด และโป่งพอง
- มีการเปลี่ยนแปลงของสีผิวที่บริเวณรอบ ๆ เส้นเลือดขอด
- รู้สึกเจ็บ ปวด บริเวณที่ขาและน่อง
- รู้สึกขาหนัก และอึดอัด
- รู้สึกแสบร้อน ปวดกล้ามเนื้อ และข้อเท้าบวม โดยอาการจะแย่ลงหลังจากที่นั่ง หรือยืนเป็นระยะเวลานาน
- รู้สึกคันและผิวแห้งบริเวณรอบ ๆ เส้นเลือดขอด
- เป็นตะคริวที่ขา โดยเฉพาะตอนกลางคืน
รู้จักการผ่าตัดนี้
การรักษาเส้นเลือดขอดด้วยคลื่นวิทยุคืออะไร?
การรักษาเส้นเลือดขอดด้วยคลื่นวิทยุ (Varicose vein - endovenous RFA ablation) คือการที่ศัลยแพทย์เจาะรูเข็มขนาดเล็กที่บริเวณเส้นเลือดขอด แล้วใส่สายไฟเบอร์ออพติกเข้าไปในหลอดเลือดดำ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวนำพลังงานคลื่นวิทยุเข้าไปสร้างความร้อนที่บริเวณเส้นเลือดขอดที่มีปัญหา ทำให้ผนังด้านในของเส้นเลือดขอดเสียหาย เกิดการฝ่อตัว และสลายตัวไปในที่สุด
ข้อดีของการรักษาเส้นเลือดขอดด้วยคลื่นวิทยุ
การรักษาเส้นเลือดขอดด้วยคลื่นวิทยุ เป็นวิธีรักษาเส้นเลือดขอดโดยที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องดมยาสลบ ส่งผลให้เกิดอาการปวดและผิวหนังฟกช้ำน้อย หลังจากที่รักษาเสร็จแล้วบางรายสามารถกลับบ้านได้ทันที โดยที่ไม่ต้องนอนพักฟื้นที่โรงพยาบาล
ขั้นตอนการรักษาเส้นเลือดขอดด้วยคลื่นวิทยุเป็นอย่างไร?
ขั้นตอนการรักษาเส้นเลือดขอดด้วยคลื่นวิทยุ มีดังนี้
- วิสัญญีแพทย์หรือพยาบาลจะทำการระงับความรู้สึกด้วยยาชา ทำให้ในระหว่างที่ทำการรักษา คนไข้จะยังรู้สึกตัวอยู่ แต่ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ
- แพทย์จะทำการหาตำแหน่งเส้นเลือดขอดที่มีปัญหาด้วยอัลตราซาวด์
- เมื่อพบเส้นเลือดขอดที่มีปัญหาแล้ว แพทย์จะสอดท่อเล็กๆ ผ่านผิวหนังเข้าไปยังหลอดเลือดดำ แล้วทำการปล่อยคลื่นวิทยุเพื่อทำการสลายเส้นเลือดขอด แล้วถอดท่อออก
- แพทย์ทำการกดแผลจนกว่าเลือดจะหยุดไหล ไม่จำเป็นต้องเย็บแผล
- หลังจากนั้นแพทย์จะใช้ผ้ายืดพันแผล (Elastic Bandage) และแนะนำให้ใส่ถุงน่องสำหรับรักษาเส้นเลือดขอด แล้วทำการตรวจประเมินอาการ ถ้าไม่พบความผิดปกติใดๆ ก็สามารถกลับบ้านได้ทันที
การรักษาเส้นเลือดขอดด้วยคลื่นวิทยุใช้ระยะเวลาเท่าใด?
การรักษาเส้นเลือดขอดด้วยคลื่นวิทยุใช้ระยะเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับจำนวนเส้นเลือดขอดที่ต้องทำการรักษา
การรักษาเส้นเลือดขอดด้วยคลื่นวิทยุต้องพักฟื้นนานเท่าไหร่?
การรักษาเส้นเลือดขอดด้วยคลื่นวิทยุ จะทำให้เกิดอาการปวด และผิวหนังฟกช้ำน้อย สามารถฟื้นตัวได้เร็ว หลังจากรักษาเสร็จแล้ว คนไข้สามารถเดินและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่จะต้อง “สวมใส่ถุงน่องสำหรับเส้นเลือดขอด” ประมาณ 7-14 วันหลังการรักษา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำอีก
ข้อจำกัดในการเข้ารับการรักษาเส้นเลือดขอดด้วยคลื่นวิทยุ
หากเส้นเลือดขอดมีขนาดใหญ่เกินไป อาจไม่สามารถรักษาเส้นเลือดขอดด้วยคลื่นวิทยุ แต่จำเป็นที่จะต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเส้นเลือดขอดแทน
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษา ทำให้การรักษาเป็นไปอย่างปลอดภัยมากขึ้น โดยแพทย์จะแนะนำให้เตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษาเส้นเลือดขอดด้วยคลื่นวิทยุดังนี้
- คนไข้จะต้องตรวจประเมินความเสี่ยงให้เรียบร้อย
- ควรรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้ดีขึ้น และลดโอกาสในการติดเชื้อหลังการรักษา
- งดรับประทานอาหารและดื่มน้ำก่อนรักษา อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
- งดการสูบบุหรี่อย่างน้อย 3-6 สัปดาห์ก่อนการรักษา เพราะนิโคตินในบุหรี่จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของบาดแผล
- งดการใช้ยาที่ทำให้เลือดแข็งตัวช้าอย่างน้อย 7 วันก่อนการรักษา เพื่อลดการเสียเลือดระหว่างที่ทำการรักษา เช่น ยาแอสไพริน ยาวาร์ฟาริน หรือยาในกลุ่มระงับอาการปวด
- งดการใช้ยาสมุนไพร อาหารเสริม หรือวิตามินบางประเภทที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น น้ำมันปลา โอเมก้า 3 น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส หรือโคเอนไซม์คิวเทน เป็นต้น แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม
การดูแลหลังผ่าตัด
หลังจากที่แพทย์อนุญาตให้กลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้แล้ว คนไข้จะต้องปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูได้เร็วขึ้น และป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตราย ดังนี้
- สวมใส่ถุงน่องสำหรับเส้นเลือดขอด ประมาณ 7-14 วันหลังการรักษา
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมต่างๆ ที่กระตุ้นต่อเส้นเลือดขอด เช่น ยกของหนัก เดินบ่อย นอน หรือนั่งติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน
- หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี หรือครีมทาผิวที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อบริเวณที่ทำการรักษา
- งดการว่ายน้ำ แช่อ่างอาบน้ำ ออกกำลังกายหนัก อย่างน้อย 3 สัปดาห์หลังการรักษา หรือจนกว่าที่แพทย์สั่ง
- เมื่อแผลหายดีแล้ว ให้ดูแลตนเองโดยการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจกระตุ้นให้เกิดเส้นเลือดขอด ได้แก่ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ออกกำลังกายเป็นประจำ หลีกเลี่ยงการนั่ง หรือนอนนานๆ และหมั่นขยับข้อเท้าขณะนั่งอยู่เสมอ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
การรักษาเส้นเลือดขอดด้วยคลื่นวิทยุ อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงได้ ดังนี้
- ความเสี่ยงทั่วไปที่พบได้จากการรักษา เช่น การติดเชื้อ แพ้ยาชา แพ้ยาสลบ อาการชา บวมช้ำ เลือดออก หรือเลือดคลั่ง
- เจ็บและปวดแผลบริเวณที่รักษา ซึ่งแพทย์จะจ่ายยาบรรเทาอาการปวดให้
- อาจมีอาการชาตามแนวเส้นเลือดที่ทำการรักษา ซึ่งอาการจะหายได้เองภายใน 3 - 6 เดือน
- เส้นเลือดขอดอาจไม่ได้หายไปทั้งหมด และอาจจำเป็นต้องฉีดยารักษาเส้นเลือดขอดที่เหลืออยู่เพิ่มเติม