ข้าวไรซ์เบอร์รี่ และสรรพคุณเพื่อสุขภาพ


ข้าวไรซ์เบอร์รี่

เรียกได้ว่าเป็นสายพันธุ์ข้าวที่สร้างความตื่นตัวในตลาดข้าวเพื่อสุขภาพมาอย่างต่อเนื่อง เพราะด้วยคุณประโยชน์ต่างๆ ที่มีอย่างอัดแน่น ช่วยแก้ปัญหาภาวะโรคต่างๆ ได้อย่างทุเลาเบาบางอย่างเห็นได้ชัด

ข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวสีม่วงที่อุดมไปด้วยสารอาหารและคุณประโยชน์มากมาย ลองมาดูกันสิว่าข้าวสายพันธุ์นี้แตกต่างจากข้าวขาวที่เรารับประทานอยู่อย่างไร

ต้นกำเนิดข้าวไรซ์เบอรี่

ข้าวไรซ์เบอรี่ (Rice Berry) เป็นผลงานการปรับปรุงสายพันธุ์ของ รศ.ดร.อภิชาติ และทีมนักวิจัยจาก ศูนย์วิจัยพันธุ์ข้าว มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และความร่วมมือจากคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) โดยเป็นการผสมข้ามสายพันธุ์ ระหว่าง ข้าวเจ้าหอมนิล ซึ่งเป็นสายพันธุ์พ่อและข้าวขาวดอกมะลิ 105 ซึ่งเป็นสายพันธุ์แม่ ทำให้ได้ลักษณะที่ดีและคุณประโยชน์เด่นๆ ออกมา 

ข้าวพันธุ์นี้ได้รับการจดทะเบียนเป็นพันธุ์พืชใหม่ ห้ามมีการนำไปขยายพันธุ์ในเชิงการค้าต่อโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก วช. และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ลักษณะข้าวไรซ์เบอรี่

ข้าวไรซ์เบอรี่มีลักษณะเรียวยาว ผิวมันวาว เป็นข้าวจ้าวสีม่วงเข้มคล้ายกับลูกเบอร์รี่ที่มีสีม่วงเข้มเมื่อสุก หากเป็นข้าวกล้องจะมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อีกทั้งยังมีรสชาติหอมมัน เนื้อสัมผัสเหนียวนุ่ม 

ข้าวไรซ์เบอร์รี่ผ่านการขัดสีเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น จึงยังทำให้คงคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้อย่างครบถ้วน สามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี มีอายุเก็บเกี่ยว 130 วัน ให้ผลผลิตปานกลาง มีความสามารถต้านทานต่อโรคไหม้ แต่ไม่ต้านทานโรคหลาว จึงแนะนำให้เปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ทุกรอบของการปลูก

ถึงแม้ว่าจะมีข้อดีอยู่มากในการปลูกข้าวสายพันธุ์นี้แต่ยังไม่เป็นที่นิยมเพาะปลูกในหมู่เกษตรกรมากนัก เนื่องจากเป็นพันธุ์ข้าวที่ดูแลรักษายาก ต้องได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษ อีกทั้งยังต้องปลูกแบบเกษตรอินทรีย์ 

รวมทั้งต้องปลูกในสภาพอากาศเย็น ไม่เช่นนั้นอาจส่งผลต่อสีของเมล็ดข้าว และจะทำให้คุณค่าทางโภชนาการที่มีอยู่ในข้าวไรซ์เบอรี่มีไม่ครบถ้วนสมบูรณ์

คุณค่าทางโภชนาการของข้าวไรซ์เบอร์รี่

ข้าวไรซ์เบอรี่ อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารสูง โดยคุณประโยชน์ที่เด่นชัดที่สุดจะพบได้ในน้ำมันรำข้าว และรำข้าว มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระได้ดี อุดมไปด้วยโฟเลจในปริมาณสูง นอกจากนั้นยังอุดมไปด้วยสารอาหารอื่นๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมายหลายชนิด เช่น 

  • เบต้าแคโรทีน 
  • แกมมาโอไรซานอล
  • วิตามินอี
  • วิตามินบี 1
  • ลูทีน
  • แทนนิน
  • สังกะสี
  • โอเมก้า 3
  • ธาตุเหล็ก
  • โพลีฟีนอล
  • เส้นใย 

สรรพคุณของข้าวไรซ์เบอร์รี่

จากสารอาหารดังที่กล่าวไป ทำให้ข้าวไรซ์เบอร์รี่มีสรรพคุณมากมายต่อร่างกาย ดังนี้

  1. บำรุงร่างกาย
  2. บำรุงสายตา
  3. บำรุงระบบประสาท
  4. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
  5. ช่วยป้องกันโรคโรคเบาหวาน 
  6. ช่วยลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
  7. ลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเหลือดหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคสมองเสื่อม และโรคโลหิตจาง
  8. มีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจน ช่วยชะลอความแก่
  9. ลดระดับไขมัน และคอเรสเตอรอลได้

เป็นการรับประทานเพียง 1 ที่ได้ถึง 2 เป็นทั้งข้าวที่เป็นอาหารหลักของคนไทย ทั้งยังเป็นสมุนไพรไปด้วยในตัว ครบทุกคุณประโยชน์แถมยังมีรสอร่อยถูกปากอีกด้วย

ผู้ที่สามารถทานข้าวไรซ์เบอรี่ได้

ข้าวไรซ์เบอรี่ เหมาะกับผู้คนทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่รักสุขภาพ เพราะถือได้ว่าเป็นข้าวที่มีสารอาหารและคุณประโยชน์สูง โดยจำแนกออกเป็นกลุ่มต่างๆ ได้ดังนี้

  • ผู้สูงวัย ควรได้รับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ ซึ่งข้าวไรซ์เบอรี่มีสารอาหารที่ช่วยบำรุงร่างกาย เสริมสร้างประสิทธิภาพในการไหลเวียนของเลือด ชะลอความแก่ บำรุงสายตาและระบบประสาท

  • ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคอ้วน ที่สามารถเปลี่ยนมารับประทานข้าวไรซ์เบอรี่ที่มีคุณสมบัติช่วยควบคุมน้ำตาลและน้ำหนักได้ เนื่องจากในข้าวสายพันธุ์นี้มีดัชนีน้ำตาลที่ต่ำกว่าข้าวทั่วไป

  • สตรีมีครรภ์ เมื่อได้บริโภคข้าวสายพันธุ์นี้เข้าไปแล้วจะช่วยให้บุตรในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรง สามารถป้องกันโรคปากแหว่งเพดานโหว่ได้ เพราะในข้าวไรซ์เบอรี่มีสารโฟเลต อีกทั้งยังมีน้ำตาลต่ำ ช่วยให้มารดาควบคุมน้ำหนักไม่ให้ครรภ์เป็นพิษ อีกทั้งยังมีธาตุเหล็กสูงซึ่งในหญิงมีครรภ์จะมีความต้องการแร่ธาตุชนิดนี้มากกว่าคนปกติ

  • ผู้ที่เป็นโรคโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก หากรับประทานข้าวไรซ์เบอรี่เป็นประจำ จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหาร โดยเฉพาะธาตุเหล็ก ช่วยในการบำรุงโลหิตและบำรุงร่างกายให้แข็งแรง

นอกจากนั้น ข้าวไรซ์เบอรี่ยังมีคุณประโยชน์อีกมากมายหากรับประทานแทนข้าวขาวเป็นประจำ โดยเฉพาะข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี่ที่มีเส้นใย ช่วยลดระดับไขมันและคอเรสเตอรอล ป้องกันโรคหัวใจ ช่วยควบคุมน้ำหนัก รักษาระบบขับถ่ายให้เป็นปกติ 

เนื่องจากสารอาหารต่างๆ ที่มีอยู่ในข้าวชนิดนี้เสมือนเป็นยารักษาชั้นเลิศ ดังนั้น เราควรเลือกรับประทานอาหารเป็นยา ดีกว่าการรับประทานยาเป็นอาหาร

ในปัจจุบัน ข้าวไรซ์เบอรี่ กำลังได้รับความนิยมในบรรดาคนรักสุขภาพหันมาบริโภคมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง และด้วยคุณประโยชน์ที่มากมายจึงมีการนำเอาไปใช้ทำเป็นผลิตภัณฑ์อาหารโภชนบำบัดในทางการแพทย์ 

รวมถึงนำไปแปรรูปเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารมากมาย อาทิ ซูชิ โดนัท คุกกี้ เครื่องดื่มผงสำเร็จรูป และข้าวตังเป็นต้น

รงค์วัตถุสีม่วงของข้าวไรซ์เบอรี่

สีม่วงเข้มที่พบในข้าวไรซ์เบอรี่ เกิดขึ้นตามธรรมชาติเนื่องจากมีส่วนประกอบเป็น สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ซึ่งก็คือรงค์วัตถุหรือสารสี สามารถละลายน้ำได้ดี และจัดอยู่ในกลุ่มของฟลาโวนอยด์ (flavonoid) หรือสาร "ต้านอนุมูลอิสระ" ที่มีประสิทธิภาพสูง

ค่าการต้านอนุมูลอิสระในข้าวไรซ์เบอรี่

สำหรับประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระที่พบในข้าวไรซ์เบอรี่ ซึ่งมีสีม่วงเข้มมากตามธรรมชาติ อยู่ที่ 229 - 304.7 umole/g การศึกษานี้ทำด้วยวิธี ORAC (Oxygen Radical Absorbance Capacity) 

เรียกได้ว่าเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับผลไม้หรือเครื่องดื่มชาเขียวที่ได้รับการยกย่องในด้านสรรพคุณที่ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระแล้ว ในข้าวชนิดนี้มีคุณค่าในการป้องกันสูงมากเกือบ 100 เท่า

ประสิทธิภาพสารต้านอนุมูลอิสระหลังการหุงต้ม

กระบวนการหุงข้าวหรือต้มข้าวไรซ์เบอรี่ด้วยหม้อหุงข้าวไฟฟ้า ปริมาณของสารต้านอนุมูลอิสระลดลงประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับในข้าวดิบ แต่หากเทียบกับผักผลไม้บางชนิด น้ำชาเขียวในท้องตลาด หรือน้ำผลไม้แล้ว เมล็ดข้าวสีม่วงชนิดนี้ก็ยังให้ผลในการป้องกันสารอนุมูลอิสระได้สูงกว่าอยู่ดี 

จึงถือว่าเป็นพันธุ์ข้าวที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ หากพอมีเวลาออกกำลังกายควบคู่กันไป ข้าวไรซ์เบอรี่ อาจเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่เข้ากันได้ดีกับชีวิตของเราในทุกวันนี้ เพราะทุกมื้ออาหารถือเป็นเรื่องสำคัญ


เปรียบเทียบราคาโปรโมชั่นแพ็กเกจตรวจมะเร็ง

เปรียบเทียบราคาแพ็กเกจตรวจสุขภาพ


บทความแนะนำ


ที่มาของข้อมูล

ขยาย

ปิด

@‌hdcoth line chat