ตรวจระบบทางเดินอาหาร ด้วยการส่องกล้อง
รายละเอียด
HDcare สรุปให้
ส่องกล้องตรวจลำไส้ไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
- ผู้ตรวจนอนหลับตลอดการตรวจ
- ไม่มีแผล ไม่ต้องผ่าตัด อุปกรณ์ใหญ่แค่ 1 ซม.
- สามารถตรวจและตัดชิ้นเนื้อได้ในการส่องกล้องครั้งเดียว
- ตรวจระบบทางเดินได้ทั้งกระเพาะอาหารและลำไส้ใหญ่ในครั้งเดียวกัน
ทำนัดปรึกษาทีมแพทย์ของ HDcare วันนี้
โรคในระบบทางเดินอาหารมักไม่แสดงอาการ กว่าจะรู้ตัวก็ลุกลาม การตรวจเป็นประจำลดโอกาสเสี่ยงหลายโรคได้ดี
รีบปรึกษาแพทย์ของ HDcare โดยไม่มีค่าใช้จ่ายวันนี้
สัญญาณที่ต้องตรวจ
- ปวดแสบท้อง จุกแน่นลิ้นปี่ เป็นๆ หายๆ
- ปวดแสบท้องที่รักษาไม่ดีขึ้นด้วยการใช้ยา
- ปวดแสบท้องและมีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร
- มีสัญญาณของโรคมะเร็งกระเพาะอาหารเช่น อาการน้ำหนักลด มีถ่ายปนเลือดหรือถ่ายเป็นสีดำ
- มีอาการจุกคอ กลืนติด กลืนลำบาก มีอาการแสบหน้าอก เรอเปรี้ยว มีอาการของกรดไหลย้อนซึ่งรักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ดีขึ้น
- มีอาการปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่ กินข้าวแล้วท้องอืด อิ่มง่าย กินยาแล้วไม่ดีขึ้น
- มีอาการเสี่ยงเกิดมะเร็ง คือ ถ่ายดำ อาเจียนเป็นเลือด อาเจียนตลอดเวลา น้ำหนักตัวลด เบื่ออาหาร กินแล้วอิ่มง่ายมากกว่า 50 %
รู้จักการผ่าตัดนี้
การส่องกล้องตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนต้น หรือ ภาษาอังกฤษ Esophagogastroduodenoscopy (EGD) คือ การใช้กล้องที่มีลักษณะเป็นท่อขนาดเล็ก ปรับโค้งงอได้ มีขนาดประมาณ 1 ซม. ส่องเข้าทางช่องปาก ผ่านหลอดอาหารลงไปในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น
การส่องกล้องตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนต้น สามารถวินิจฉัยโรคหลอดอาหาร กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น เช่น การอักเสบ เป็นแผล มีเนื้องอก หรือมีการตีบตันของอวัยวะ และถ้าตรวจเจอความผิดปกติ แพทย์ก็สามารถใส่เครื่องมือเพื่อการรักษาเข้าไปได้ เช่น หากพบการตีบตัน แพทย์จะใส่เครื่องมือขยายหลอดอาหาร
ขั้นตอนการตรวจระบบทางเดินอาหารส่วนต้นและลำไส้ใหญ่
- แพทย์จะพ่นยาชาในคอให้คนไข้ แล้วให้นอนตะแคงซ้าย จากนั้นจะให้ยานอนหลับทางเส้นเลือด
- แพทย์สอดอุปกรณ์กล้องเข้าทางปากผ่านลำคอไปยังกระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น เพื่อตรวจดูความผิดปกติ อาจตัดชิ้นเนื้อออกมาตรวจหาเชื้อแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร หรือตรวจทางพยาธิวิทยาเพิ่มเติม
- หลังส่องกล้องเสร็จ แพทย์จะส่งคนไข้ไปนอนพักฟื้นประมาณ 1-2 ชั่วโมง หรือจนกว่าจะตื่นดี แล้วสามารถกลับบ้านได้
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- กรณีมีโรคประจำตัวและยาที่ต้องใช้ประจำให้ปรึกษาแพทย์ประจำเพื่อพิจารณาการหยุดยาบางตัวที่มีผลต่อการส่องกล้องตรวจ
- แพทย์ตรวจและซักประวัติสุขภาพอย่างละเอียด และเตรียมความพร้อมก่อนการส่องกล้อง
- งดน้ำและอาหารทุกชนิดอย่างน้อย 6-8 ชม. ก่อนตรวจ
- จำเป็นต้องมีผู้ดูแลมาด้วยในวันที่ส่องกล้อง และห้ามขับรถกลับบ้านเอง
การดูแลหลังผ่าตัด
- งดดื่มน้ำและรับประทานอาหารจนกว่าคอจะหายชา
- เมื่อคอหายชาแล้ว ให้เริ่มจากการจิบน้ำก่อน ถ้าไม่สำลักก็สามารถดื่มน้ำได้
- ควรรับประทานอาหารอ่อนในช่วง 2-3 วันแรกหลังการส่องกล้อง เนื่องจากยังมีอาการเจ็บคออยู่
- ในช่วงแรกหลังตรวจ อาจบ้วนน้ำลายแล้วมีเลือดปนเล็กน้อย แต่ถ้ามีมากผิดปกติ ให้แจ้งทางแพทย์ทันที
- หลังจากตรวจส่องกล้องแล้ว ในวันถัดไปก็สามารถกลับมาออกกำลังกายและทำงานได้ตามปกติ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
แม้ว่าการส่องกล้องเป็นการตรวจที่มีความปลอดภัยสูง และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้น้อยมาก แต่ก็มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน ดังนี้
- ผลข้างเคียงจากยาระงับความรู้สึก เช่น คลื่นไส้ อาเจียน แสบร้อนบริเวณแผลฉีดยา หายใจลำบาก หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือมีเศษอาหารตกลงไปยังปอดจนทำให้เกิดการอักเสบตามมา
- เลือดออก เกิดจากการที่กล้องเอนโดสโคปไปทำให้หลอดเลือดเสียหาย โดยสังเกตได้จากการอาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำคล้ายยางมะตอย สามารถรักษาได้ด้วยการส่องกล้องอีกครั้ง
- ติดเชื้อ มักเกิดจากการส่องกล้องร่วมกับการตรวจอื่นๆ อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อที่เกิดขึ้นมักเป็นการติดเชื้อที่ไม่รุนแรง และสามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาปฏิชีวนะ
- แผลทะลุ เกิดจากกล้องเอนโดสโคปไปโดนหลอดอาหาร กระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กส่วนบนจนทำให้เกิดรูทะลุขึ้น สามารถสังเกตอาการได้จากการปวดช่องท้อง หน้าอก หรือคอ กลืนแล้วเจ็บ มีไข้สูง หรือหายใจลำบาก