ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์
วางแผนมีบุตรได้อย่างปลอดภัย เพิ่มโอกาสให้ทารกเติบโตอย่างแข็งแรง
หาความเสี่ยงโรคทางพันธุกรรมที่อาจส่งต่อถึงทารก
รายละเอียด
รู้จักโรคนี้
ตรวจความพร้อมก่อนมีบุตร สำคัญอย่างไร?
- เพื่อให้สามารถวางแผนการมีบุตรได้อย่างปลอดภัย เพิ่มโอกาสให้ทารกในครรภ์เติบโตอย่างแข็งแรง ปราศจากโรคแทรกซ้อน ความพิการ หรือปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆ
- ลดภาวะความเครียดหรือความวิตกกังวลจากการตั้งครรภ์
- หาความเสี่ยงโรคทางพันธุกรรมหรือโรคแฝงที่อาจส่งต่อถึงทารกในครรภ์
- ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ที่ไม่คาดคิดในภายหลัง
- ในกรณีตรวจพบโอกาสเกิดภาวะมีบุตรยาก แพทย์จะให้คำแนะนำวิธีการมีบุตรอย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสตั้งครรภ์ให้สูงขึ้น
ใครควรตรวจความพร้อมก่อนมีบุตร
- คู่รักที่วางแผนจะมีบุตรในอนาคต
- คู่รักที่ฝ่ายหญิงมีอายุมากกว่า 35 ปี เพราะเป็นวัยที่มีโอกาสตั้งครรภ์ได้ยากขึ้น และทารกมีความเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อนหลังคลอด
- คู่รักที่เคยผ่านการวินิจฉัยว่าเป็นภาวะมีบุตรยาก และต้องการตรวจความคืบหน้าของความพร้อมด้านสุขภาพในการมีบุตร
- คู่รักที่มีโรคประจำตัวหรือความผิดปกติที่อาจส่งต่อถึงทารกในครรภ์ ต้องการตรวจความพร้อมหรือขอรับคำแนะนำก่อนเริ่มมีบุตรจากแพทย์ เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Diseases: STDs) โรคธาลัสซีเมีย (Thalassemia) โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (Leukemia) กลุ่มอาการดาวน์ซินโดรม (Down Syndrome)
สัญญาณที่ต้องตรวจ
ตรวจความพร้อมก่อนมีบุตร ควรตรวจเมื่อไร?
ตรวจความพร้อมก่อนมีบุตร ควรตรวจก่อนเริ่มต้นทุกกระบวนการ ไม่ว่าจะมีบุตรด้วยวิธีธรรมชาติหรือด้วยวิทยาศาสตร์การแพทย์ เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว การฉีดเชื้ออสุจิเข้าโพรงมดลูก คู่รักทุกคู่ควรตรวจความพร้อมก่อนมีบุตรเพื่อให้มั่นใจถึงความพร้อมด้านสุขภาพ
นอกจากนี้คู่รักหลายคู่ยังนิยมตรวจความพร้อมก่อนมีบุตรก่อนเข้าพิธีแต่งงาน เพื่อเช็กความพร้อมด้านสุขภาพก่อนเริ่มต้นใช้ชีวิตคู่อย่างเป็นทางการ
การตรวจความพร้อมก่อนมีบุตร แพทย์จะให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพ รวมถึงแนวทางการดูแลตนเอง หากสุขภาพของคู่รักอยู่ในเกณฑ์แข็งแรงพร้อมต่อการมีบุตรแล้ว จึงจะเข้าสู่กระบวนการมีบุตรต่อไป
ตรวจโรคนี้อย่างไรได้บ้าง
ตรวจความพร้อมก่อนมีบุตร ตรวจอย่างไร?
- ตรวจร่างกายทั่วไป เช่น ชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง วัดความดัน ซักประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ประวัติการใช้ยา ประวัติการฉีดวัคซีน พฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ การตั้งครรภ์ก่อนหน้านี้ หรือการคุมกำเนิดกับแพทย์
- เก็บตัวอย่างเลือดส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งสามารถหาความเข้มข้นของเลือด ระดับน้ำตาลในเลือด โรคที่ส่งต่อได้ทางพันธุกรรม รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- การทำอัลตร้าซาวด์และ ตรวจภายในเพื่อประเมินความปกติของมดลูก ปีกมดลูก และ รังไข่
- การตรวจดูความแข็งแรงของอสุจิ
รู้จักการผ่าตัดนี้
ตรวจความพร้อมก่อนมีบุตร ตรวจอะไรบ้าง?
การตรวจความพร้อมก่อนมีบุตรสำหรับผู้หญิงและผู้ชายจะมีรายการตรวจที่ไม่เหมือนกัน โดยจะแตกต่างกันไปตามระบบการทำงานของร่างกาย อวัยวะสืบพันธุ์ เงื่อนไขสุขภาพ รวมถึงวัตถุประสงค์ในการตรวจ
โดยการตรวจในแพ็กเกจ Fertility Health Check Up สำหรับผู้หญิงและผู้ชาย มีรายการดังนี้
รายการตรวจสำหรับผู้หญิง 10 รายการ
- ตรวจความสมบูรณ์ของเลือด (CBC)
- ตรวจกรุ๊ปเลือด (RH Group)
- ตรวจการเป็นพาหะของเบต้าธาลัสซีเมียและฮีโมโกลบิน (HB Typing)
- ตรวจฮอร์โมน (E2, P4, FSH, PRL)
- ตรวจฮอร์โมนกระตุ้นการทำงานของต่อมไทรอยด์ (TSH)
- ตรวจหาเชื้อเอชไอวี (HIV)
- ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg)
- ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซี (Anti-HCV)
- ตรวจหาเชื้อกามโรค (VDRL)
- การเจาะเลือดเพื่อตรวจวัดระดับฮอร์โมน AMH
รายการตรวจสำหรับผู้ชาย 8 รายการ
- ตรวจความสมบูรณ์ของเลือด (CBC)
- ตรวจการเป็นพาหะของเบต้าธาลัสซีเมียและฮีโมโกลบิน (HB Typing)
- ตรวจกรุ๊ปเลือด (RH Group)
- ตรวจหาเชื้อเอชไอวี (HIV)
- ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBsAg)
- ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซี (Anti-HCV)
- ตรวจหาเชื้อกามโรค (VDRL)
- ตรวจคุณภาพอสุจิ (Semen analysis)
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- เตรียมประวัติสุขภาพมาพูดคุยกับแพทย์อย่างครบถ้วน โดยเฉพาะประวัติด้านโรคประจำตัว โรคทางพันธุกรรมของคนในครอบครัว โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (หากเคยตรวจพบ) ประวัติการตั้งครรภ์ที่ผ่านมา การคุมกำเนิด ภาวะมีบุตรยาก (หากเคยตรวจพบ)
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ฝ่ายชายควรงดการมีเพศสัมพันธ์ รวมถึงการช่วงตัวเองด้วยวิธีใดๆ ก่อนวันรับบริการ 3-7 วัน แต่ไม่ควรนานเกินกว่านั้น
การดูแลหลังผ่าตัด
หลังรับบริการเสร็จแล้ว ผู้เข้ารับบริการสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันที ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น แต่นอกจากนี้ก็ยังต้องปฏิบัติตามคำแนะนำในการดูแลสุขภาพจากแพทย์ภายหลังฟังผลตรวจ เพื่อให้โอกาสตั้งครรภ์อย่างสมบูรณ์แข็งแรงมีเพิ่มมากขึ้น