ย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็ง
เพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์ได้สูงกว่าการย้ายตัวอ่อนแบบอื่น
รายละเอียด
รู้จักการผ่าตัดนี้
การย้ายตัวอ่อน คืออะไร?
การย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็ง (Embryo Transfer) คือ การใช้ตัวอ่อนที่ถูกแช่แข็งเอาไว้ในห้องปฏิบัติการมาผ่านกระบวนการละลาย (Thawing) และนำใส่เข้าไปในโพรงมดลูกของฝ่ายหญิง เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์
จุดเด่นของการย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็ง
- ยืดหยุ่นและสะดวกกว่า คู่รักสามารถเลือกช่วงเวลาที่อยากจะตั้งครรภ์ได้ เพราะตัวอ่อนถูกแช่แข็งอยู่ในห้องปฏิบัติการ
- มีเวลาเตรียมเยื่อบุโพรงมดลูกได้มากกว่า ช่วยลดความกดดันหรือความวิตกกังวลได้
- มีช่วงเวลาได้พักร่างกายจากการกระตุ้นไข่ในช่วงที่เก็บไข่
- ลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่มักเกิดขึ้นในการย้ายตัวอ่อนรอบสด เช่น ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไปหรือภาวะ OHSS (Ovarian Hyperstimulation Syndrome)
- สามารถตรวจโครโมโซมตัวอ่อนได้ก่อนย้าย เนื่องจากหลังเก็บเซลล์ตัวอ่อนไปตรวจโครโมโซมแล้ว จะต้องรอผลตรวจเป็นระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งจำเป็นต้องแช่แข็งตัวอ่อนไว้ก่อนเพื่อรอผลตรวจ
ใครเหมาะกับการย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็ง
- คู่รักที่ยังไม่สะดวกหรือยังไม่พร้อมจะใส่ตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูกในทันที
- คู่รักที่ต้องการตรวจโครโมโซมก่อนการย้ายตัวอ่อน
- คู่รักที่มีตารางกำหนดการตั้งครรภ์อย่างแน่นอนแล้ว
- คู่รักที่ต้องการเวลาในการเตรียมเยื่อบุโพรงมดลูกที่ยืดหยุ่นและไม่เร่งรัดจนเกินไป
- คู่รักที่ได้ตัวอ่อนในจำนวนที่เกินกว่าจะใส่ในโพรงมดลูกได้ และต้องการแช่แข็งเก็บไว้ก่อน
ขั้นตอนการย้ายตัวอ่อน
- ดิ่มน้ำและกลั้นปัสสาวะ ครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงล่วงหน้า เพื่อให้เครื่องอัลตราซาวด์ถ่ายภาพด้านในมดลูกได้ชัดเจนที่สุด
- แพทย์จะตรวจอัลตราซาวด์หน้าท้องเพื่อดูตำแหน่งของมดลูกก่อน และเพื่อหาตำแหน่งที่เหมาะสมต่อการวางตัวอ่อน
- ผู้เข้ารับบริการขึ้นนอนบนเตียงขาหยั่ง
- แพทย์จะสอดสายเล็กๆ (Catheter) เข้าไปทางปากมดลูก ลึกไปถึงโพรงมดลูก ในระหว่างนี้ก็จะอัลตราซาวด์ดูตำแหน่งในการวางตัวอ่อนไปด้วย
- แพทย์ฉีดตัวอ่อนเข้าไปในโพรงมดลูกผ่านทางสายที่สอดเข้าไป
- ผู้เข้ารับบริการนอนพักต่อประมาณ 30-60 นาที และแพทย์สั่งจ่ายยาช่วยพยุงการตั้งครรภ์ให้ หลังจากนั้นสามารถเดินทางกลับบ้านได้
ระหว่างย้ายตัวอ่อน เจ็บหรือไม่?
ในระหว่างใส่ตัวอ่อน แพทย์จะทำทุกขั้นตอนอย่างเบามือ ซึ่งทำให้โอกาสเจ็บมีน้อยมาก แต่หลังจากใส่ตัวอ่อนไปแล้ว ผู้เข้ารับบริการอาจมีพบอาการไม่พึงประสงค์ เช่น หน่วงหน้าท้อง หน้ามืด เวียนศีรษะ อ่อนเพลียได้
ย้ายตัวอ่อนแล้ว เมื่อไหร่จึงเริ่มตรวจผลการตั้งครรภ์
หลังจากย้ายตัวอ่อนไปแล้วประมาณ 10 วัน แพทย์จะนัดให้ผู้เข้ารับบริการกลับมาตรวจเลือดเพื่อวัดระดับฮอร์โมน การตั้งครรภ์ หรือฮอร์โมน HCG (Human Chorionic Gonadotropin) และยืนยันผลการตั้งครรภ์ ซึ่งวิธีตรวจเลือดเป็นวิธีตรวจที่แม่นยำกว่าการใช้แท่งตรวจปัสสาวะ
เปรียบเทียบการผ่าตัดวิธีต่างๆ
การย้ายตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูกมี 2 วิธี คือ
- ย้ายตัวอ่อนรอบสด เป็นการย้ายตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูกฝ่ายหญิงในรอบการตกไข่เดียวกันกับที่กระตุ้นและเก็บไข่ คือหลังจากแพทย์เก็บไข่ฝ่ายหญิงมาปฏิสนธิกับเชื้ออสุจิฝ่ายชายจนได้ตัวอ่อนแล้ว แพทย์กับนักวิทยาศาสตร์จะเพาะเลี้ยงตัวอ่อนอีก 5-6 วัน จากนั้นจะเลือกตัวอ่อนและใส่เข้าโพรงมดลูกฝ่ายหญิงโดยไม่มีการนำตัวอ่อนไปแช่แข็ง
- ย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็ง หลังจากปฏิสนธิไข่กับเชื้ออสุจิจนได้ตัวอ่อนแล้ว แพทย์จะเพาะเลี้ยงตัวอ่อนและนำตัวอ่อนไปแช่แข็งไว้ในอุณหภูมิติดลบ -196 องศาเซลเซียส เพื่อรอให้คู่รักมีความพร้อมต่อการใส่ตัวอ่อนก่อน เมื่อพร้อมที่จะตั้งครรภ์ นักวิทยาศาสตร์จะนำตัวอ่อนออกมาละลาย และแพทย์จะใส่เข้าโพรงมดลูกฝ่ายหญิง
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
ก่อนย้ายตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูก ผู้รับบริการจะจำเป็นต้องเตรียมเยื่อบุโพรงมดลูกให้พร้อมต่อการย้ายตัวอ่อนเสียก่อน ซึ่งในส่วนนี้จะอยู่ในขั้นตอน “เตรียมเยื่อบุโพรงมดลูกก่อนใส่ตัวอ่อน” โดยมีข้อปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้
- ปรับเยื่อบุโพรงมดลูกให้หนาพอ โดยใช้ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน และ ปรับเยื่อบุโพรงมดลูกให้เหมาะสมกับการฝังตัวของตัวอ่อนด้วยฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน
- ในผู้รับบริการบางรายที่รอบประจำเดือนและรอบตกไข่สม่ำเสมอดี แพทย์จะไม่ให้ยาฮอร์โมนช่วยกระตุ้นความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก แต่จะนัดวันมาตรวจเลือดดูค่าฮอร์โมนและอัลตราซาวด์ดูเยื่อบุโพรงมดลูกอยู่เป็นระยะ
- เดินทางมาตรวจเลือดและตรวจอัลตราซาวด์ตามที่แพทย์นัดหมายเอาไว้ทุกครั้ง
- ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งจ่ายให้อย่างเคร่งครัด
- กินอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีสารอาหาร วิตามิน และแร่ธาตุเสริมการทำงานของระบบสืบพันธุ์และรังไข่ เช่น กรดโฟลิก (Fulic Acid) แมกนีเซียม (Magnesium) สังกะสี (Zinc) วิตามินซี (Vitamin C) วิตามินอี (Vitamin E) อย่างเช่น ถั่วเหลือง เต้าหู้ วอลนัท นม แคทรอท กล้วย ไข่แดง ขนมปังโฮลเกรน น้ำมันมะกอก
- รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่อย่าหักโหมมากเกินไป
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงความเครียดและความวิตกกังวลเกินไป
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มคาเฟอีน งดสูบบุหรี่
- อยู่ในสภาพแวดล้อมที่อากาศสดชื่น หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรืออยู่ในสถานที่ที่มีสารพิษ สารเคมี หรือมลภาวะต่างๆ
การดูแลหลังผ่าตัด
- นอนพักนิ่งๆ และงดลุกนั่งหลังใส่ตัวอ่อนอย่างน้อย 30 นาที
- งดขับรถกลับบ้านเอง แต่ให้สามี หรือคนสนิทพากลับบ้าน
- สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ เพียงแต่ต้องระมัดระวังตนเองในบางกิจกรรม
- ควรหยุดงานหรือทำงานที่บ้านสัก 2-3 วัน เพื่อพักผ่อนให้มากๆ รวมถึงงดกิจกรรมหนักๆ งดยกของหนัก งดออกกำลังกาย และเดินขึ้นลงบันไดเท่าที่จำเป็น
- งดมีเพศสัมพันธ์
- งดสวนล้างช่องคลอด
- ใช้ยาที่แพทย์สั่งจ่ายให้อย่างเคร่งครัด
- กินอาหารได้ตามปกติ แต่ควรเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อหญิงมีครรภ์ งดอาหารหมักดอง อาหารที่ไม่สะอาด หรือปรุงไม่สุก รวมถึงงดเครื่องดื่มกลุ่มที่มีแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีน
- พยายามอย่าให้ท้องเสีย เนื่องจากจะทำให้ลำไส้บิดตัว และเกิดการเกร็งของมดลูก จนอาจส่งผลกระทบทำให้ตั้งครรภ์ไม่สำเร็จได้
- งดสูบบุหรี่โดยเด็ดขาด
- อาศัยอยู่ในที่ที่อากาศปลอดโปร่งและสดชื่น งดอยู่ในพื้นที่แออัด
- อย่าเครียด หรือกดดันเรื่องผลการตั้งครรภ์มากเกินไป
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น
- ตัวอ่อนอาจตายหลังผ่านกระบวนการละลาย ทำให้ไม่สามารถใส่เข้าเยื่อบุโพรงมดลูกได้
- ภาวะตัวอ่อนไม่ฝังตัว
- ภาวะแท้งคุกคาม